top of page
AW-KV-POCare-2025_Size-หน้าปกเว็บ_20022025 (2).jpg

In Vitro vs In Vivo คืออะไร การทดสอบกันแดดทำไมต้องใส่ใจ



เมื่อพูดถึงกันแดดสกินแคร์ หลายคนอาจมองว่าเป็นไอเทมพื้นฐานที่ทาเป็นประจำทุกวันกันอยู่แล้ว โดยไม่ต้องคิดมากเวลาเลือกเราจะดูที่ SPF PA+++ กันเป็นหลัก เพื่อหาตัวที่ดีที่สุดในการปกป้องผิวเราจากแสงแดดอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่รู้ไหมว่า เบื้องหลังของกันแดดแต่ละหลอดนั้น ต้องผ่านกระบวนการทดสอบกันแดดมากมาย เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งกันแดดได้ และปลอดภัยกับผู้ใช้จริง


หนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้เราเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของกันแดดได้ ก็คือการทดสอบ โดยเฉพาะการทดสอบแบบ In Vitro และ In Vivo ที่หลายอาจเคยเห็นหรือได้ยินกันมาบ้าง เพราะถือเป็นการทดสอบมาตรฐานทั่วไปสำหรับการประเมินประสิทธิภาพของกันแดด โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการพูดถึงประสิทธิภาพของค่า SPF หรือ PA อย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ ซึ่งมีเขียนไว้ที่ด้านหลังฉลากผลิตภัณฑ์ แล้วเคยสงสัยไหมว่า มันต่างกันยังไง การทดสอบแบบไหนน่าเชื่อถือกว่า และทำไมถึงสำคัญขนาดนั้น


ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับโลกของการทดสอบกันแดดอย่างเข้าใจง่าย พร้อมเผยเบื้องหลังของกันแดดคุณภาพ ที่ PO Care เลือกทดสอบอย่างจริงจังจากแล็บที่ได้มาตรฐานให้คุณมั่นใจในทุกครั้งที่ใช้ เพราะสุขภาพผิวไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และกันแดดที่ดีต้องมีมากกว่าคำโฆษณาแต่ต้องพิสูจน์ได้จริง


ทำไมต้องมีการทดสอบกันแดด


ทดสอบกันแดด_2

นอกจากความร้อนแล้ว แสงแดดยังทำร้ายผิวเราได้จากรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ แก่ไว เกิดฝ้า กระ ผิวไหม้ และอาจเสี่ยงมะเร็งผิวหนังได้ กันแดดสกินแคร์จึงกลายมาเป็นไอเทมสำคัญที่ช่วยปกปกป้องผิวของทุกคน แต่ก่อนที่กันแดดจะส่งไปถึงมือผู้ใช้งาน การทดสอบกันแดดเป็นขั้นตอนสำคัญมาก เพราะกันแดดไม่ได้แค่ระบุว่ากัน UV ได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพจริง และปลอดภัยสำหรับผิวเราด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการรับรอง


โดยเหตุผลที่ต้องมีการทดสอบกันแดด มีดังนี้

  1. เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถกันแดดได้จริง เพราะแค่ใส่สารกันแดดลงในสูตรไม่พอ เราจะต้องดูด้วยว่าสารเหล่านั้นเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว ยังคงมีประสิทธิภาพป้องกันรังสี UV ได้ดีหรือไม่ ในการทดสอบจึงช่วยวัดค่า SPF สำหรับ UVB และ PA หรือ UVA protection factor สำหรับ UVA ได้อย่างแม่นยำ

  2. การทดสอบทั้งในแล็ปและกับคนจะช่วยยืนยันได้ว่าสารกันแดดที่ใส่ลงในผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริง

  3. เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพก่อนวางขาย จากการทดสอบกันแดดที่เป็นมาตรฐานของแบรนด์คุณภาพต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพตามที่ระบุไว้จริง ทั้งในเรื่องการกันแดด และความเสถียรของสูตรเมื่อต้องเจอแสงแดดจริง ๆ

  4. เพื่อเปรียบเทียบกับสูตรอื่น ๆ เนื่องจากหลายแบรนด์พัฒนาแบบสูตรต่อสูตร การทดสอบจะช่วยให้เห็นว่า สูตรใหม่กันแดดได้ดีกว่าเดิมหรือไม่ และเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น 


การทดสอบ in vitro คืออะไร


ทดสอบกันแดด_3

มารู้จักกระบวนการทดสอบคุณภาพกันแดดในแบบแรกกันดีกว่าว่า คืออะไร และมีการทดลองอะไรบ้าง In Vitro หรือที่แปลว่าในหลอดทดลอง คือการทดสอบที่ทำในห้องปฏิการหรือห้องแล็บ โดยไม่มีการใช้มนุษย์ในการทดสอบโดยตรง ส่วนมากจะใช้เครื่องมือหรือวัสดุทดแทน โดยใช้บนแผ่นที่ใช้แทนผิวหนังมนุษย์ และประเมินด้วยเครื่องมือเฉพาะ สำหรับกันแดดสกินแคร์ การทดสอบ In Vitro จะวัดค่าการดูดซับรังสี UV ของผลิตภัณฑ์ โดยวิธีที่นิยม เช่น การใช้เครื่องวัดสเปกโตรโฟโตมิเตอร์ตรวจสอบการดูดกลืนแสง UV ที่ทดสอบบนแผ่น PMMA ซึ่งเลียนแบบผิวหนังคน


ข้อดีของการทดสอบแบบ In Vitro


  1. ไม่ใช้มนุษย์ในการทดลอง ซึ่งไม่ขัดต่อจริยธรรมห้องทดลอง

  2. ประหยัดเวลาและต้นทุนของการทดลอง

  3. ใช้ระยะเวลาในการทดสอบไม่นาน แต่ผลการทดสอบอาจคลาดเคลื่อนได้ ที่ผลคาดเคลื่อน เกิดจากการปาดครีมลงบนแผ่นตรวจอาจปาดความหนัก-เบาไม่เท่ากัน


การทดสอบ in vivo คืออะไร


ทดสอบกันแดด_4

การทดลองต่อมาที่นิยมใช้กันมากสำหรับการทดสอบกันแดดหรือสกินแคร์แบบอื่น ๆ นั่นก็คือ In Vivo หรือแปลว่าในสิ่งมีชีวิต ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายคือ การทดสอบบนผิวมนุษย์จริง ๆ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วม ซึ่งวิธีที่นิยมใช้คือ การวัดค่าการป้องกันแสง UVB และ UVA ได้แก่

  1. วัดค่า SPF (Sun Protection Factor) ทากันแดดลงบนผิวจริงแล้วฉายรังสี UV ผ่านผิว แล้วนำไปหาค่าเฉลี่ยของ SPF ที่ได้ โดยคำนวณจากนาทีที่ผิวเริ่มมีอาการแดง 

  2. วัดค่า PA หรือค่า UVA-PF มีวิธีการทดสอบเช่นเดียวกับหาค่า SPF *** ISO 24442:2011 สำหรับ UVAPF *** และ *** ISO 24444:2019 สำหรับ UVB SPF ***


ข้อดีของการทดสอบ In Vivo


  1. สะท้อนผลจริงบนผิวมนุษย์

  2. รวมปัจจัยแวดล้อมจริงที่อาจมีผลบนผิวมนุษย์ เช่น เหงื่อ น้ำ การเคลื่อนไหว ฯลฯ

แต่ก็มีข้อจำกัด นั่นก็คือใช้เวลาทดสอบนานเนื่องจากต้องรับสมัครอาสาสมัคร เก็บตัวอย่าง มีค่าใช้จ่ายสูง รวมทั้งมีข้อกังวลด้านจริยธรรม เนื่องจากเป็นการทดลองในมนุษย์จริง ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย


In vivo in vitro ต่างกันอย่างไร


ทดสอบกันแดด_5

การทดสอบ In vivo และ In vitro เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการตรวจสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กันแดด เพื่อให้มั่นใจว่าปกป้องผิวได้จริง มาเปรียบเทียบข้อแตกต่างกัน


In vitro : ทดสอบในหลอดทดลอง

คือ การจำลองสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ผิวหนังเทียมหรือเซลล์ผิว แล้วทาครีมกันแดด จากนั้นฉายรังสี UV เพื่อวัดค่าการปกป้อง เช่น SPF หรือ PA โดยมีข้อดีคือ 

1. ไม่ใช้มนุษย์จริง ไม่ต้องกังวลเรื่องหลักจริยธรรมมนุษย์

2. ประเมินการทดสอบประสิทธิภาพได้เร็ว 

3. ควบคุมตัวแปรต่างๆ ที่เป็นปัจจัยภายนอกได้

4. เป็นมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลายในวงการเครื่องสำอาง

5. ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก


In vivo : ทดสอบกับคนจริง

คือ การทาครีมกันแดดลงบนผิวของอาสาสมัคร แล้วฉาย UV เพื่อดูว่าใช้แล้วผิวทนรังสีได้แค่ไหน โดยมีข้อดีคือ 

1. วัดผลกับผิวจริง ผลที่ได้อาจมีความน่าเชื่อถือสูง

2. ผลที่ได้ค่อนข้างแม่นยำ 

3. ต้องมีมาตรฐานด้านจริยธรรมและความปลอดภัยสูง


เปรียบเทียบ In vitro กับ In vivo

รายการเปรียบเทียบ

In vitro

In vivo

ผู้เข้าร่วม

ใช้ผิวจำลอง

มีอาสาสมัครจริง

ความแม่นยำ

ควบคุมปัจจัยภายนอกได้

ผลที่ได้เป็นผลจากผิวคนจริงๆ

เวลา/ต้นทุน

เร็ว ประหยัด

ใช้เวลานาน แพง

เหมาะกับ

วัดค่าทางเทคนิค

วัดผลกับการใช้งานจริง


มั่นใจกันแดด PO CARE เรามีผลการทดสอบ! ที่รับรองได้ 


ทดสอบกันแดด_6

ไม่ต้องลุ้นว่า SPF กับ PA ที่เขียนไว้บนหลอดจะใช้ได้จริงไหม เพราะกันแดดของ PO Care ผ่านการทดสอบ In Vitro แล้วเรียบร้อย จากแล็บที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ซึ่งผลที่ได้คือ

  1. ทดสอบค่า SPF แบบ In Vitro ด้วยเครื่อง Labsphere UV-2000S ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในอุตสาหกรรมความงาม

  2. ทดสอบบน แผ่น PMMA (Polymethylmethacrylate) ซึ่งจำลองสภาพผิวมนุษย์ได้ใกล้เคียงมาก

  3. ได้รับผล SPF และ UVA-PF ที่สามารถเทียบเท่าการทดสอบ In Vivo ในเบื้องต้น ตามแนวทางของ COLIPA และ ISO


ทดสอบกับผล vitro จากแล็บที่เชื่อถือได้


นอกจากนี้ กันแดดของ PO Care ยังได้ทำการพิสูจน์จริงว่าสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริง ผ่านกระบวนการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้ทุกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา รู้สึกปลอดภัย และมั่นใจว่าทาแล้วกันแดดได้จริง ทั้งปกป้องผิวได้ทั้งจากรังสี UVB และ UVA ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่ต้องการการปกป้องผิวแบบครบทุกมิติ โดยเฉพาะในเมืองร้อนที่มีแสงแดดจัดอย่างประเทศไทย


ทดสอบกันแดด_7

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่เรื่องของค่า SPF สูง ๆ แต่ต้องเช็กให้ถึงวิธีการทดสอบว่า กันแดดนั้นสามารถปกป้องผิวได้จริงหรือไม่ ซึ่งมักมีการทดสอบอยู่สองประเภท คือ In Vitro และ In Vivo โดย In Vitro เป็นการทดสอบในห้องปฏิบัติการโดยไม่ใช้ผิวมนุษย์จริง แต่ใช้แผ่นจำลองผิวเพื่อวัดการดูดกลืนและการสะท้อนของรังสี UV ส่วน In Vivo คือการทดสอบบนผิวหนังของอาสาสมัครจริง ๆ เพื่อดูการปกป้องผิวจากรังสี UV ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน โดยการทดสอบแบบ In Vitro จะให้ผลรวดเร็ว ส่วน In Vivo แม้จะใช้เวลามากกว่า แต่จะให้ผลลัพธ์การใช้งานจริงได้ดีกว่า ซึ่งในกันแดด PO Care เราใส่ใจทุกรายละเอียดผ่านการทดสอบที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการทดสอบแบบ In Vitro จากแล็บที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า กันแดดของเราปกป้องผิวคุณได้จริง

Comentários


Join our email list and get access to specials deals exclusive to our subscribers.

Thanks for submitting!

 Follow us

  • Instagram
  • Facebook
  • TikTok

Shope Now

Shopee / Lazada / Tiktok 

bottom of page